แนวทางการ “พัฒนา / ปรับแต่ง” QuickBooks แบ่งออกเป็น 3 ระดับ
🛠️ แนวทางการ “พัฒนา / ปรับแต่ง” QuickBooks แบ่งออกเป็น 3 ระดับ
✅ 1. ปรับแต่งจากภายในระบบ (ไม่ต้องเขียนโค้ด)
เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป / ธุรกิจที่ไม่ซับซ้อน
ตัวอย่าง:
ปรับโครงสร้างบัญชี (Chart of Accounts)
ตั้งชื่อฟอร์ม Invoice/Receipt เอง
เพิ่ม Custom Fields (เช่น หมายเลขพัสดุ, สาขา)
ตั้ง Class / Location Tracking (แยกแผนก, สาขา, รายโปรเจกต์)
ตั้ง Template รายงานที่ต้องการใช้บ่อย
✅ 2. เชื่อมต่อกับระบบอื่น (API, Integration)
เหมาะกับธุรกิจที่ใช้ระบบอื่นร่วม เช่น POS, E-commerce, HR
วิธี:
ใช้ QuickBooks API (สำหรับนักพัฒนา)
ใช้ระบบเชื่อมต่อสำเร็จรูป เช่น:
Zapier / Make (Integromat): เชื่อมกับ Gmail, Google Sheets, Shopify ฯลฯ
Sync Apps: เช่น Shopify → QuickBooks, WooCommerce → QuickBooks
Excel Add-ins: สำหรับอัปโหลดข้อมูลหลายรายการ (Bulk)
ตัวอย่างการเชื่อม:
รับออเดอร์จาก Shopify → อัตโนมัติสร้าง Invoice ใน QuickBooks
ฟอร์ม Google Forms → สร้าง Expense รายการใน QuickBooks
ดึงยอดขายรายวันจาก POS → ลงบัญชีอัตโนมัติ
✅ 3. Custom App / Report / Automation (ระดับ Developer)
เหมาะกับองค์กรที่ต้องการระบบเฉพาะทาง
สิ่งที่ทำได้:
เขียน Script เชื่อมระบบ (Python, Node.js, PHP ฯลฯ)
สร้างรายงานสรุปแบบ Dashboard จาก QuickBooks API + Power BI / Google Data Studio
สร้างระบบ Billing / Customer Portal ที่เชื่อมกับ QuickBooks
สร้างระบบออกใบเสร็จอัตโนมัติทุกต้นเดือนจากฐานข้อมูล
เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง:
RESTful API / OAuth 2.0
JSON, Webhook
SDK (เฉพาะ Desktop เวอร์ชัน Pro/Premier/Enterprise)
SQL (หากใช้ QuickBooks Desktop + ODBC)
🔐 หมายเหตุเรื่องเวอร์ชัน:
เวอร์ชัน | ความสามารถด้านปรับแต่ง |
---|---|
QuickBooks Online | มี API ใช้งานง่าย, เชื่อมกับ SaaS อื่นได้ดี |
QuickBooks Desktop | ปรับแต่งลึกผ่าน SDK หรือ ODBC แต่ยากกว่า |
🎯 สรุป:
หากคุณเป็นผู้ใช้งานทั่วไป → เริ่มจากการปรับแต่ง Template และการใช้งานพื้นฐาน
ถ้าเป็นนักพัฒนาหรือองค์กรที่ต้องการ Automation → ใช้ API / สร้างแอปเสริม
หากคุณบอกได้ว่า:
ธุรกิจของคุณใช้ QuickBooks เวอร์ชันไหน
อยากปรับแต่งอะไร (รายงาน, ระบบขาย, ระบบคลัง, ระบบลูกหนี้ ฯลฯ)
ผมสามารถช่วยแนะนำโครงสร้างหรือเขียนตัวอย่าง code ได้เลยครับ